วัตถุดิบท้องถิ่น: ลดการปล่อยคาร์บอนจากอาหารที่เดินทางไกล

ถ้าพูดถึงก๊าชเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน หนึ่งในนั้นคือคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเดินทางสัญจรโดยยานพาหนะที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง นอกจากการเดินทางในชีวิตประจำวันแล้ว การขนส่งสินค้าข้ามพื้นที่ก็สร้างคาร์บอนเป็นจำนวนมากเช่นกัน สำหรับในประเทศไทย ภาคพลังงานมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คิดเป็น 69.06% ซึ่งมาจากการขนส่งถึง 29.16% ซึ่งรวมถึงการขนส่งอาหารข้ามพื้นที่ ไม่ว่าจะโดยรถบรรทุก โดยเรือ หรือโดยเครื่องบิน ก็ทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้นทั้งสิ้น ทั้งยังต้องใช้พลังงาน และเชื้อเพลิงจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อน และโลกรวนโดยตรง  

นอกจากนี้ การขนส่งอาหารเป็นระยะทางไกล เช่น ขนส่งข้ามภูมิภาค ข้ามประเทศ หรือข้ามทวีป ก็จะต้องผ่านกระบวนการเก็บรักษาเพื่อถนอมอาหารไว้ให้นานที่สุด เช่น การแช่แข็ง การใช้สารเคมี การใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งนอกจากจะใช้พลังงานมาก และเพิ่มปริมาณการใช้พลาสติก และโฟมจำนวนมหาศาลแล้ว อาหารเหล่านั้นก็เสื่อมคุณค่าทางโภชนาการไปอีกด้วย และอีกประการหนึ่งคือ หากเรายังไม่ตระหนักถึงผลกระทบตรงนี้ ในอนาคตที่วิกฤตทางสิ่งแวดล้อมมีความรุนแรงขึ้น ย่อมส่งผลร้ายอย่างภาวะการขาดแคลนอาหารเนื่องจากภัยแล้ง อุทกภัย และภาวะอากาศแปรปรวนที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ตามต้องการ นำมาสู่การขาดทรัพยากรอาหาร เมื่อนั้นเราทุกคนอาจต้องเผชิญกับความอดอยากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บริโภควัตถุดิบในท้องที่ สร้างโลกที่ดีอย่างยั่งยืน 

แนวทางการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สามารถทำได้ง่ายกว่าที่คิด นั่นก็คือ การเลือกบริโภคอย่างยั่งยืน โดยเลือกกินวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น และตามฤดูกาล เพื่อลดปริมาณการขนส่งอาหารจากต่างถิ่น ทั้งยังได้อาหารที่สดใหม่ มีคุณค่าทางโภชนาการครบครัน การเลือกบริโภควัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น และตามฤดูกาลนั้น นอกจากจะสามารถลดคาร์บอน และลดการใช้พลังงานจากการบรรจุ และขนส่งได้แล้ว ยังเป็นการลดขยะที่เกิดจากอาหารอีกด้วย เพราะอาหารตามฤดูกาลที่มีในท้องถิ่นนั้นจะเป็นอาหารสดใหม่ มีคุณภาพดี ไม่เน่าเสียไว ก่อนถึงมือผู้บริโภค และท้ายที่สุดแล้วก็ต้องทิ้งไป 

นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่นที่ปลูกพืชผักแบบครัวเรือนและปลูกแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ช่วยให้ชุมชนเข้มแข็ง และส่งเสริมการผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งนี้ การปลูกพืชตามฤดูกาลยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศอีกด้วย

แน่นอนว่า หากดีต่อโลกแล้ว ก็ย่อมดีต่อตัวเรา เราในฐานะผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน ทั้งในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการ และความสดใหม่ของอาหาร แถมยังรสชาติดีกว่าเพราะมีแร่ธาตุวิตามินครบถ้วน เก็บมาสด ๆ ใหม่ ๆ ทั้งประหยัดงบประมาณจากการเลือกวัตถุดิบท้องถิ่นแทนการบริโภควัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ หรืออาหารนอกฤดูกาลที่จะมีราคาสูงกว่า และที่สำคัญ ช่วยลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมในโลกใบนี้ เรียกว่าได้ประโยชน์รอบด้านกันไปเต็ม ๆ

เพียงแค่ปรับพฤติกรรม และเปลี่ยนวิถีการบริโภคของเรา ก็สามารถช่วยโลกได้มากกว่าที่คิด และทุก ๆ คนสามารถมีส่วนร่วมในการปกป้องโลกของเราได้ โดยเริ่มง่าย ๆ จากการกินในแต่ละวัน หากทำอย่างเป็นประจำก็สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน สิ่งแวดล้อม และโลกของเราได้ อาหารมื้อต่อไป เริ่มจากการไปช็อปปิ้งตลาดเกษตรอินทรีย์ใกล้บ้านดูดีไหมคะ? 

ขอบคุณที่มาข้อมูลบางส่วนจาก UNDP Thailand: รายงาน NC4 เผยสถิติ เมื่อโลกร้อนและรวน อากาศแปรปรวนกระทบทุกภาคส่วนของประเทศไทย / เมื่อโลกร้อนและรวน ภาคส่วนใดปล่อยก๊าชเรือนกระจกสูงสุด

Footer